วิธีทำซอไม้ไผ่ เสียงหวานกังวาน
ซออู้ที่กะโหลกซอทำจากมะพร้าวนั้น มะพร้าวที่ใช้ในการทำซอจะแบ่งออกเป็น 2 สกุล คือ มะพร้าวซอ ได้แก่ มะพร้าวซออู้ มะพร้าวซอกันตรึม ส่วนสกุลที่ 2 คือมะพร้าวแกงหรือมะพร้าวพื้นบ้าน จะนิยมนำมาทำซอประกอบลำและสะล้อครับ โดยจะไม่มีการปิดกรองท้ายเหมือนกับซอจีน จึงให้เสียงที่อุดอู้แต่แหบหวาน ซึ่งสำเนียงนี้ทางดนตรีไทยเรียกว่า “อู้” ปรากฏในซออู้ ขลุ่ยอู้ เป็นเครื่องดนตรีที่ใช้บรรเลงในทางทุ้มหวานครับ ส่วนผู้ที่ไม่สามารถหากะลามะพร้าวมาทำซอได้ก็ไม่ต้องกังวล เพราะเราสามารถใช้ไม้ไผ่มาทำซอได้เช่นกัน ทำง่าย และให้เสียงทุ้มหวานกังวาน ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย
ลักษณะเฉพาะของซอไม้ไผ่เป็นอย่างไร
การให้เสียงของซอไม้ไผ่
ต้องยอมรับว่าเสียงของซอไม้ไผ่นั้นค่อนข้างมีเอกลักษณ์ เสียงที่ถูกสีออกมาจะมีความแหบคล้ายซอเอ้อหูหรือซอจีน แต่ในขณะเดียวกันก็มีสำเนียงความนุ่มทุ้มคล้ายกับซออู้ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ซอไม้ไผ่ถูกนำไปเล่นตามรสนิยมของผู้บรรเลงมากกว่าที่จะนำไปบรรเลงร่วมกับดนตรีชนิดอื่นอย่างเป็นกิจจะลักษณะ
ส่วนประกอบของซอไม้ไผ่
ลักษณะเด่นของซอไม้ไผ่ก็คงจะเป็นรูปทรงที่ประกอบไปด้วยไม้ไผ่เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นทวนซอ ลูกบิดซอ คันชักซอ และกะโหลกซอที่ล้วนแล้วแต่ทำขึ้นจากไม้ไผ่ซึ่งมีความสวยคลาสสิคไม่เหมือนใคร ทว่าซอไม้ไผ่นี้ หากนำไปบรรเลงในที่แจ้งหรือบริเวณที่มีความชื้นสูง ก็อาจจะส่งผลต่อเสียง นั่นเพราะเกิดการหดตัวของไม้ ดังนั้น ผู้ที่ทำซอไม้ไผ่ก็ต้องหมั่นดูแลรักษากว่าซอมะพร้าวและซอไม้เนื้อแข็ง
การเตรียมไม้ไผ่สำหรับทำซอ
ไม้ไผ่ที่ผมเคยลองนำมาทำซอและให้เสียงดี กระบอกซอมีความทนทานก็ต้องยกให้ไม้ไผ่สีสุกและเหง้าไม้ไผ่ตงหรือเหง้าไผ่ยักษ์ของแม่ฮ่องสอน ซึ่งลายเส้นของไผ่สีสุกจะมีทั้งลายเส้นตรงและลายเส้นแบบขวางลาย มีข้อดีตรงที่เมื่อขึงหนังงูซอจะไม่แตกร้าวง่าย ทว่าต้องมีการเตรียมไม้ไผ่ที่เหมาะสม มิเช่นนั้นมอดอาจจะชอนไชเข้าไปอาศัยในกระบอกซอเข้าสักวัน ส่วนไผ่ตงหม้อเนื้อหนา เนื้อแกร่ง เนื้อใกล้เปลือกจะแข็ง ควรเลือกโคนที่มีข้อถี่มิเช่นนั้นไม่ไผ่จะแตกร้าวได้ง่ายครับ ส่วนใครที่ชอบดนตรีที่ทำจากไม้ไผ่ ก็ยังมีไผ่เฮียะที่มีเนื้อบางซึ่งเหมาะกับการทำขลุ่ยผิวไม้ไผ่ครับ
ควรเลือกไผ่ชนิดใดมาทำซอ
อย่างที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ ว่าเหง้าไม้ไผ่สีสุกมักจะมีความพิเศษกว่าไม้ไผ่ทั่วไปตรงที่มีเส้นใยขวางรวมอยู่ด้วย อีกทั้งยังหาได้ง่ายจึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะนำมาทำกระบอกซอ แต่ถ้าเป็นซอไม้ไผ่ยักษ์จะต้องผ่านการแช่น้ำเช่นเดียวกับการทำโปงลางไม้ไผ่ครับ ส่วนใครที่ต้องการความรวดเร็วแนะนำว่าใช้ไม้ไผ่สีสุกจะง่ายกว่า โดยมีวิธีการเตรียมไม้ดังนี้
กระบอกซอจากไผ่สีสุก เนื้อไม้ไม่แตกร้าวง่าย
ไม้ไผ่ที่ชาน่าคราฟต์เลือกใช้ จะเป็นไผ่สีสุกลำที่แก่จัด นำไม้ที่ต้องการทำกระบอกซอไปตากไว้กลางแจ้งประมาณ 1 สัปดาห์จนเปลือกไผ่เริ่มเปลี่ยนสี จากนั้นก็ใช้วิธีการต่อไปนี้ครับ
- อบไล่ความชื้น โดยเราเลือกใช้วิธีการย่างกับไฟอ่อน ๆ แล้วเลื่อยตัดไม้ไผ่ให้ได้ขนาดตามที่ต้องการ
- โดยการเทถ่านไฟร้อน ๆ ลงไปจนเต็มจะช่วยทำให้ไม้ไผ่แห้งจากด้านใน ถ้าไม้ไผ่มีการแตกร้าวจะไม่สามารถนำมาทำกระบอกซอได้
- พอถ่านมอดแล้วก็ใช้สิ่วเล็บมือเซาะผิวไม้ไผ่จากด้านในให้บางลงครึ่งหนึ่ง
- ขูดปากกระบอกซอด้านนอกให้บางลง เพราะส่วนนี้จะใช้ติดตั้งกับหนังหน้าซอ
ทำทวนซอจากเหง้าไม้ไผ่รวก
ไม้ไผ่ที่นำมาทำเป็นทวนซอ เราเลือกใช้ไม้ไผ่รวกที่ตัดในหน้าแล้ง เนื้อไม้จะมีความเหนียวและทนทานจากแมลงกินไม้ครับ
- วัดและตัดเอาขนาดประมาณ 1 ช่วงแขน จากโคนไม้ จากนั้นนำไม้ไผ่มาตากไว้กลางแจ้งประมาณ 1 สัปดาห์
- ดัดทวนซอให้ตรงโดยจะใช้วิธีการรมไฟแล้วค่อย ๆ ดัด
- อย่าลืมเหลาตาไม้ ขจัดบริเวณที่เป็นเสี้ยนให้ดี เพราะทวนซอจะเป็นส่วนที่ต้องสัมผัสกับมือผู้ใช้งานมากกว่าบริเวณอื่น
- ใช้สว่านเจาะนำบริเวณปลายทวนซอ เจาะคว้านเก็บรายละเอียดอีกทีด้วยเหล็กซีหรือเหล็กเจาะรูร้อน ๆ ซึ่งจะช่วยป้องกันไม้ไผ่ฉีกในอนาคต
- ระยะความห่างของรูลูกบิดทั้งสองรู วัดจากจุดศูนย์กลางประมาณ 8 – 10 เซนติเมตร
ทำลูกบิดซอจากเศษไม้ไผ่และไม้เนื้อแข็ง
ในส่วนของลูกบิดนั้น มีหน้าที่ในการบิดหมุดให้สายซอตึงเพื่อตั้งเสียง จะใช้เศษไม้ไผ่ที่เหลือจากการทำทวนซอซึ่งมีเนื้อเหนียว นำมาเหลาตาไม้แล้วสวมเข้ากับเศษไม้เนื้อแข็งที่ไม่บวมน้ำง่าย เช่น ไม้สัก ไม้พะยูง ไม้ชิงชัน เหลาให้เป็นทรงกรวยเพื่อที่จะให้สามารถสอดเข้าไปในรูทวนซอได้ เชื่อมต่อไม้ทั้งสองชนิดเข้าด้วยกันด้วยกาวร้อน
สายซอ ควรเลือกแบบใดดี
สายซอทั้งคู่ หลายคนมักจะดัดแปลงมาจากสายเบรครถจักรยานที่มีความเหนียวและให้เสียงที่กังวาน แต่เราก็สามารถใช้สายกีต้าร์ไฟเบอร์ 1 กับ 2 แทนได้เช่นกันครับ แต่ถ้าซอไม้ไผ่ของใครมีหน้ากว้างเกิน 3.5 นิ้ว ให้เลือกใช้สายกีต้าร์ไฟเบอร์ 2 กับ 3 จะเหมาะสมกว่าครับ ส่วนคันชักซอไม้ไผ่นั้น สามารถใช้ร่วมกับคันชักไวโอลินหรือคันชักซอเอ้อร์หูได้ แต่ถ้าต้องการคันชักซอไม้ไผ่แบบ DIY ผมได้ทำคลิปและบทความอธิบายการทำอย่างละเอียดไว้ที่วิธีทำคันชักซอจากเอ็นตกปลาแล้ว
การขึงหนังหน้าซอแบบละเอียด
การเตรียมกระบอกซอว่ายากแล้ว การขึงหนังหน้าซออยากยิ่งกว่า เพราะหนังหน้าซอนี้หากขึงจนตึงเกินไป ซอมักจะมีเสียงแครก ๆ และมีเสียงฝาดในบางครั้ง ในขณะเดียวกันหากขึงหนังหน้าซอหย่อนไป เสียงก็จะไม่กังวานนั่นเองครับ
วัสดุที่นำมาทำเป็นหนังหน้าซอมีอะไรบ้าง
วัสดุยอดนิยมที่นำมาทำเป็นหนังหน้าซอโดยเรียงลำดับจากความทุ้มไปจนถึงเสียงใส ได้แก่ หนังวัว หนังแกะ หนังแลน หนังงูเหลือม หนังงูหลามและหนังปลา แต่ไม่ว่าจะเลือกใช้หนังแบบใดก็ตาม ก็มักจะมีวิธีการขจัดกลิ่นสาบและทำเตรียมหนังเช่นเดียวกัน
การเตรียมหนัง
- ดับกลิ่นสาบกลิ่นคาวของหนังที่จะนำมาทำซอ โดยใช้ใบมะนาวมาขยี้ในน้ำสะอาด วิธีนี้ยังช่วยป้องกันแมลงที่จะมาเจาะแทะหนังได้อีกด้วย แต่หากเป็นหนังวัวหรือหนังแกะจะต้องใช้กระเทียมโขลกผสมน้ำเหล้าเพื่อล้างคาวเลือดและไขมัน
- เติมขี้เถ้าลงไปในน้ำที่จะแช่หนัง ถึงจะช่วยลดการยืดหดตัวของหนังหลังการขึง และเพื่อให้ซอมีความยืดหยุ่น ควรใช้น้ำอุ่น หรืออาจจะนำน้ำที่แช่ใบมะนาวและขี้เถ้าเมื่อครู่ไปอุ่นก่อนแช่หนังก็ได้
- ถ้าหากใช้หนังงูเหลือมในการทำหน้าซอ ก็อย่าลืมลอกเอ็นคู่บริเวณสันหลังออกก่อนที่จะขึงหนังเสมอ
- นำหนังที่เตรียมไว้ไปแช่ในน้ำที่เตรียมไว้ 4 – 6 ชั่วโมงจนหนังนิ่ม จากนั้นก็ไปทำสะดึงขึงหนังเพื่อที่จะขึ้นหน้าซอหรือขึงหนังหน้าซอได้เลยครับ
การขึ้นหนังซอ
สำหรับการคึงหนังหน้าซอจะต้องมีการทำสะดึงสำหรับขึงหนัง โดยอาศัยการตอกหมุดลงบนไม้เนื้ออ่อน จากนั้นนำกระบอกซอที่ต้องการขึงมาวางไว้ตรงกลาง
- ขยี้หนังที่เตรียมไว้จนอ่อนนิ่มก่อนนำไปวางขึงบนปากกระบอกซอ
- ดึงหนังให้ตึง พร้อมทั้งวัดขนาดส่วนเกินและตอกขอบด้วยตะปู
- ทากาวลาเท็กซ์ลงบนขอบปากกระบอกซอ แล้วใช้หนังที่ถูกตอกขอบแล้วขึงลงไป หากเป็นการทำซอในอดีตก็จะใช้กาวหนังควายหรือกาวยางไม้
- ขึงหนังหน้าซอให้ตึง แล้วทดสอบความตึงด้วยการโยนเหรียญลงไปบนหน้าซอ หากเหรียญเด้งกลับได้ดีนั่นก็แสดงว่าซอกระบอกนี้จะให้เสียงใส
- ทิ้งไว้ในร่มให้แห้งสนิทประมาณ 1 สัปดาห์ แล้วจึงนำมาตัดแต่งหนังที่เกินขอบกระบอกซอออกไปเพื่อความสวยงามครับ
- กำหนดจุดกึ่งกลางเพื่อเจาะรูเสียบทวนซอ
- นำทุกอย่างประกอบเข้าด้วยกันแล้วตั้งเสียงถือว่าเสร็จสิ้น และพร้อมแล้วที่จะบรรเลง
การรัดอกซอ
ในการรัดอกซอนั้นไม่มีกฎตายตัว ขึ้นอยู่กับความถนัดของผู้ใช้งาน โดยเชือกที่ใช้ควรเป็นเส้นไหมแท้ แต่ถ้าหาไม่ได้ก็สามารถใช้เชือกหางหนู หรือเชือกไนลอนก็ได้ ส่วนใหญ่แล้วการวัดอกซอก็จะวัดขนาดประมาณ 1 ฝ่ามือของผู้ใช้งานจากลูกบิดตัวสุดท้าย
เสน่ห์ของซอก็คือการเล่นที่ไม่มีแบบแผนตายตัว
ไม่ว่าจะเป็นซอไทย ซอพื้นบ้าน หรือแม้แต่ซอจีน ก็ล้วนแล้วแต่ไม่มีสเกลตายตัว ในการตั้งเสียงจึงสามารถปรับตามความตึงหย่อนและระยะของอกซอได้ สุนทรีย์ของเครื่องดนตรีชนิดนี้ จึงขึ้นอยู่กับผู้บรรเลง และการนำเครื่องดนตรีอื่นมาประกอบร่วม
ฉัตรสุมาลย์ ภูแต้มนิล
นักเขียนและผู้รังสรรค์งานฝีมือของชาน่า คราฟต์
